ประกันชดเชย ทางเลือกใหม่สำหรับคนทำประกัน

ในยุคสมัยที่ความเร่งรีบและการแข่งขันทางธุรกิจมีอิทธิพลต่อการทำงานและการดำรงชีวิตนั้น แน่นอนว่าวัยทำงานอย่างเราๆ เงิน หรือ รายได้ เป็นปัจจัยหลักและสำคัญมาก ที่จะช่วยให้การดำรงชีวิตราบรื่น ไม่ติดขัด เพราะทุกๆ อย่าง ที่เราจับจ่ายใช้สอย ล้วนแล้วแต่จำเป็นต้องใช้เงินทั้งสิ้น แล้วถ้าหากวันใดวันหนึ่ง โชคไม่เข้าข้างคุณเลย ถึงขั้นโชคร้ายสุดๆ จนเลือดตกยางออก ต้องล้มหมอนนอนเสื่อพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานเป็นเดือนๆ คุณจะเอารายได้จากที่ไหนมาชำระค่ารักษาพยาบาลที่แพงแสนแพง ไหนยังจะครอบครัว คนที่อยู่ข้างหลังอีก ที่ต้องมารับภาระหาเงินแทนเรา เพื่อไม่ให้ครอบครัวลำบาก จะดีกว่าไหมถ้าคุณมีประกันสุขภาพและอุบัติเหตุไว้ติดตัวสักฉบับ ที่สามารถคุ้มครองคุณทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่าการพยาบาล รวมถึงยังมีเงินชดเชยรายได้รายวัน เข้ากระเป๋าในช่วงที่คุณพักรักษาตัว โดยคำนวณให้ตามจำนวนวันที่คุณขาดงานไป



เราจึงอยากเสนอแผนชดเชยรายได้รายวัน ที่จะเข้ามาชดเชยรายได้ให้ท่านและครอบครัวได้อุ่นใจ ว่าช่วงที่ท่านขาดงาน ไม่ทำงานก็ยังจะมีรายได้จากประกันชดเชยรายได้ส่วนนี้ เข้ามาช่วยเหลือ

บริการประกันชดเชยรายได้ เป็นประกันรูปแบบใหม่ที่เอาใจคนวัยทำงานให้ได้รับเงินประกันชดเชยรายได้วันละ 1,000 บาท สูงสุด 1,000 วันนั่นเอง ซึ่งตามเงื่อนไขของบริษัทประกันนั้น จะช่วยให้เรามีรายได้ที่คงที่แม้ว่าจะต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะทำงานในอาชีพใดๆก็ตามทั้งอาชีพอิสระ หรือของบริษัทเอง ที่มีอายุระหว่าง 25-35 ปี หรือช่วงวัยอื่นตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ และมีรายได้ระหว่าง 15,000-50,000 บาทต่อเดือน ล้วนมีความต้องการเงินชดเชยรายได้ไม่ต่างกันเลย

ในส่วนของผู้ประกอบอาชีพอิสระมีรายได้ตอบแทนเป็นรายวันนั้นก็สามารถทำประกันชดเชยได้เช่นกัน ผิดจากเดิมที่เป็นกังวลอย่างมากสำหรับการหยุดงาน ไหนจะภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ปลอดภัยสบายใจหายห่วงได้สำหรับประกันชดเชยตัวใหม่ที่กำลังตีตลาดทุกวันนี้


สำหรับประกันชดเชยรายได้รายวันจะต้องมีหลักเกณฑ์การรับประกันมีดังนี้ 


  • ผู้เอาประกันต้องมีอายุ 1 เดือนไปจนถึง 64 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วก็สามารถต่อสัญญาได้ถึงอายุ 69 ปี 
  • ทุกทุนประกันสามารถซื้อผลประโยชน์ค่าชดเชยรายได้รายวัน ได้ตั้งแต่ 500-2,000 บาท โดยรวมทุกกรมธรรม์แล้วจะมีผลบังคับและผลประโยชน์รายได้รายวันไม่เกินวันละ 2,500 บาท 


การเบิกประกันชดเชยนั้นจะต้องมีความเป็นไปดังต่อไปนี้ 


  • ผู้เอาประกันจะต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง โดยไม่ต้องนอน 
  • ทางประกันชดเชยจะจ่ายให้ตามจำนวนวันที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงสุดไม่เกิน 730 วัน 
  • ทั้งนี้รวมถึงจ่ายค่าชดเชยรายได้รายวันเป็นสองเท่าในกรณีเข้าพักรักษาตัวในห้องผู้ป่วยหนักพิเศษ แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่เกิน 7 วันต่อการเข้ารักษาตัวในหนึ่งครั้ง
ข้อมูลเพื่อการเตรียมตัววางแผนลดหย่อนภาษี

ปัจจุบันกรมสรรพากรยินยอมให้ผู้มีรายได้สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึง 300,000 บาทต่อปี* อย่างไรก็ดี ไม่ใช่เบี้ยประกันชีวิตจากกรมธรรม์ทุกแบบที่จะนำมาขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ แต่จะต้องตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งแบบกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ใช้สิทธิได้ รวมถึงข้อกำหนดการหักลดหย่อนภาษีของแต่ละแบบ

สำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิในส่วนนี้ ต้องทำความเข้าใจกับข้อกำหนดของกรมสรรพากร เพื่อรับสิทธิประโยชน์สูงสุด ซึ่งเบี้ยประกันที่กรมสรรพากรอนุญาตให้ใช้ลดหย่อนภาษีได้ มี 2 ประเภทดังนี้

1. เบี้ยประกันชีวิตที่ทำให้ตัวเอง


สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท และตรงตามเงื่อนไขต่อไปนี้
  • เบี้ยประกันชีวิต ไม่รวมเบี้ยประกันภัยในส่วนความคุ้มครองอื่นๆ เช่นเบี้ยประกันสุขภาพ อุบัติเหตุ และโรคร้ายแรง เป็นต้น
  • แบบประกันชีวิตต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
  • ในกรณีที่แบบประกันชีวิตมีเงินคืน เงินคืนนั้นต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี หรือเบี้ยประกันชีวิตสะสม


2. เบี้ยประกันชีวิตของประกันแบบบำนาญที่ทำให้ตัวเอง


สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท และไม่เกิน 15% ของเงินได้ซึ่งต้องเสียภาษี** ซึ่งเงินก้อนนี้เมื่อนำไปรวมกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กรณีไม่มีเบี้ยประกันชีวิตตามข้อ 1) สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปหักลดหย่อนแทนเบี้ยประกันชีวิตตามข้อ 1) ก่อนได้ ซี่งจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีรวมสูงสุด 300,000 บาท กรณีมีคู่สมรส และทั้งคู่เป็นผู้ชำระเบี้ยสามารถแยกยื่นภาษีในส่วนของเบี้ยประกันชีวิตของประกันแบบบำนาญ เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนในส่วนของตนเองได้ สูงสุดคนละ 200,000 บาท

ประกันรถยนต์ชั้น 1 คืออะไรกัน ใครรู้บ้าง?

ประกันภัยชั้น 1 นั้นจะให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุดตามชื่อ โดยจะมีความคุ้มครองให้แก่ผู้เอาประกันในหลายๆ ด้านด้วยกัน โดยจะให้ความรับผิดชอบคุ้มครองค่าสินไหมแก่บุคคลภายนอก ในกรณีที่เกิดความเสียหาย หรือ เกิดการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอก โดยที่ ผู้เอาประกันจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะแบ่งเป็นความคุ้มครองในหลายๆ ด้าน ดังต่อไปนี้

1. ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อร่างกาย อนามัย และ ชีวิต ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อร่างกาย อนามัย และชีวิต โดยจะมีการคุ้มครองความบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น และ/หรือ ในกรณีเสียชีวิต บุคคลที่จะได้รับการคุ้มครองในส่วนนี้ รวมถึงบุคคลภายนอกรถยนต์คันเอาประกันภัย และผู้โดยสารทั้งใน และ นอกรถคันเอาประกันภัย หรือผู้โดยสารที่กำลังขึ้น หรือกำลังลงจากรถคันเอาประกันภัย ในกรณีนี้ ความคุ้มครองจะรวมเงินค่าเสียหายส่วนที่เกินจากความคุ้มครองในพรบ. แต่ความคุ้มครองนี้จะไม่ครอบคลุมไปถึงผู้ขับขี่ของรถยนต์ คันเอาประกันภัย และครอบครัว หรือ ลูกจ้างของผู้ขับขี่ในขณะทำงาน

2. ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สิน ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สินให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สิน โดยที่บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบด้านค่าสินไหมทดแทน รับผิดชอบต่อความเสียหายทีเกิดขึ้นต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก โดยจะคิดตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และ ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันในกรมธรรม์ แต่ไม่คุ้มครองทรัพย์สินของผู้ขับรถยนต์คันเอาประกันภัยในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งครอบครัวของผู้ขับขี่รถยนต์คันเอาประกัน

3. ความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ในกรณีรถยนต์คันเอา ประกันภัยชั้น 1 เกิดความเสียหาย สูญหาย หรือ ไฟไหม้ ในกรณีนี้จะมีความคุ้มครองรับผิดชอบแตกต่างกัน โดยบริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบด้านค่าสินไหมสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินของบุคคลภายนอก โดยคิดตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ต้องไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัย แต่ความคุ้มครองนี้จะไม่คุ้มครองทรัพย์สินของผู้ขับขี่ของรถคันเอาประกันภัยในขณะเกิดอุบัติเหตุ และไม่คุ้มครองครอบครัว หรือผู้โดยสารของรถคันเอาประกันภัยความเสียหายส่วนแรก คือ ส่วนที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องเป็นผู้ร่วมรับผิดชอบ โดยจะรับผิดชอบตามจำนวนเงินที่ได้ระบุไว้เมื่อทำกรมธรรม์ในกรณีที่เป็นฝ่ายที่ทำให้เกิดความเสียหายกรณีรถยนต์สูญหาย บริษัทประกันจะรับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นกรณีการสูญหายทั้งคัน บางส่วน หรือ เกิดจากการลักทรัพย์ใดๆก็ตาม โดยจะรับผิดชอบคุ้มครองตามข้อตกลงในกรมธรรม์บริษัทประกันจะรับผิดชอบคุ้มครองความเสียหายของรถยนต์คันเอาประกัน ในกรณีไฟไหม้ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดไฟไหม้จากตัวรถเอง หรือ เกิดจากสาเหตุอื่นๆก็ตาม โดยเป็นไปตามข้อตกลงในกรมธรรม์

4. ความคุ้มครองที่รับผิดชอบตามเอกสารอนุสัญญา ความคุ้มครองที่รับผิดชอบตามเอกสารอนุสัญญา (เอกสารแนบท้าย) โดยจะมีการคุ้มครองความบาดเจ็บที่เกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้ขับรถ หรือ ผู้โดยสายของรถคันเอาประกันภัย โดยถ้าความบาดเจ็บดังกล่าวนั้นสร้างความสูญเสียของชีวิต อวัยวะ หรือ ทำให้เกิดความทุพพลภาพถาวร หรือชั่วคราว บริษัทประกันภัยจะคุ้มครองโดยรับผิดชอบค่าสินไหมทดแทน ตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุเอาไว้ตามกรมธรรม์ด้านค่ารักษาพยาบาล บริษัทประกันจะคุ้มครองค่าใช้จ่ายสำหรับความบาดเจ็บที่เกิดจากอุบัติเหตุของผู้ที่อยู่ในรถยนต์คันเอาประกันภัย และ หากความบาดเจ็บนั้นเกิดจากอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาพยาบาล บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าบริการด้านการแพทย์ ค่ารักษา ค่าโรงพยาบาล ค่าผ่าตัด โดยจะให้ความคุ้มครองตามจำนวนจริงที่จ่ายไป แต่จะต้องไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์การประกันตัวผู้ขับขี่รถยนต์ ในกรณีนี้ ผู้เอาประกันภัย หรือ ผู้ขับขี่รถของผู้เอาประกันภัยต้องได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย ให้นำรถยนต์ที่เอาประกันไปใช้ แล้วเกิดอุบัติเหตุ โดยทำให้ถูกควบคุมตัวเนื่องด้วยคดีอาญาในทุกชั้น ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน จนถึง ชั้นศาลฎีกา ทางบริษัทประกันภัยจะต้องรับผิดชอบด้านการประกันตัวผู้เอาประกันภัย หรือ ผู้ขับขี่ออกมาในทันที โดยที่ค่าประกันจะต้องอยู่ในวงเงินที่ระบุไว้

5. ส่วนลดจากการระบุอายุผู้ขับขี่ ส่วนลดจากการระบุอายุผู้ขับขี่ ส่วนนี้จะเป็นการคุ้มครองสำหรับรถยนต์คันเอาประกัน ในกรณีที่มีการระบุชื่อผู้ขับ แต่จะให้ความคุ้มครองรับผิดชอบเฉพาะกรณีที่เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลเท่านั้น ในส่วนนี้มี 4 ระดับ โดยจัดระดับตามช่วงอายุ โดยส่วนลดสูงสุดคือ 20% ให้แก่ผู้ขับขี่ที่มีช่วงอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป

6. ส่วนลดค่าความเสียหายส่วนแรก ส่วนลดค่าความเสียหายส่วนแรก เป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทประกัน และ ผู้เอาประกัน ในด้านค่าเสียหายส่วนแรกที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินบุคคลภายนอก และค่าความเสียหายส่วนแรกที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์

7. ส่วนลดกลุ่ม ส่วนลดกลุ่ม คือกรณีที่ผู้เอาประกันภัยชั้น 1 มีรถยนต์ที่ทำกรมธรรม์ไว้กับบริษัทมากกว่า 3 คันขึ้นไป จะสามารถได้สิทธิรับส่วนลดเบี้ยประกันภัยกลุ่มได้ 10%

VRZO - Coke C-Day

นับเป็นการยิงแคมเปญที่ลุยทั้ง Online และ On-ground ไปพร้อมๆ กันได้อย่างเฉียบคม ด้วยรูปแบบกลยุทธ์ ที่ออกแบบมาให้สร้างความสัมพันธ์และสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญคือเป็นการลุยตลาดแบบ On-ground ที่สร้างสรรค์ positive activity ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย นั่นคือ ‘การให้’ ตอกย้ำ attitude ของโค๊กที่อัดแน่นไปด้วยพลังบวก ความสนุกสนาน และ ความเป็นมิตร ซึ่งโค๊กขวดแก้วกว่า 2 ล้านขวดที่ถูกแจกจ่ายไปสู่มือผู้รับนั้น เป็นเสมือนตัวแทนแห่งมิตรภาพที่โค้กตั้งใจสื่อสาร แมสเสจนี้ไปสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างงดงาม

นับเป็นการใช้คุณสมบัติของ product นั่นคือรสชาติและความซ่าสดชื่น มาเป็นตัวช่วยสำคัญที่สามารถ boots up ความเหนื่อยล้าระหว่างวันได้จริง โดยโฟกัสแคมเปญไปที่กลุ่มวัยรุ่น และ first jobber นับเป็นการรันแคมเปญที่จับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกจังหวะเวลา พร้อมกันกับอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจ โค้ก เลือกจับมือกับ ‘JOOX’ แอพฟังเพลงแบบ music streamimg ที่ กำลังได้รับความนิยม เพื่อสร้างเครื่องมือในการสื่อสารและกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย

โดยสร้างสรรค์พอร์ทเพลงออกมาเป็น ‘Coke Music Playlist’ และแจก 50,000 โค้ดในเฟซบุ๊คแฟนเพจ coca-cola Thailand ให้คอโค้กดาวน์โหลดเพลงไปเก็บไว้ฟังในเครื่องกันได้ฟรีๆ คัดสรร Playlist โดย ดี.เจ.ชื่อดัง ที่เป็น influencer คนสำคัญของแคมเปญ อาทิ Trasher Bangkok, EDM Thailand, วี – วิโอเลต วอเทียร์, จูน จูน, เต้ย – จรินทร์พร และ ไข่มุก เดอะวอยซ์






แค่มีโค๊กก็สดชื่นได้ทุกบ่าย

หยิบโค๊ก แล้วออกไปซ่า เพราะทุกบ่ายสดชื่นแค่ซ่ากับโค๊ก บ่ายนี้จะเม้าท์ ทำงาน หรืออัพสเตตัสกับเพื่อน ก็ไม่เอ้าท์! แค่มี โค๊ก เย็นซ่า ก็ตื่นเต็มตาพร้อมลุยได้ทุกสถานการณ์! แล้วอย่าลืมมาติดตามกิจกรรมสนุกๆ ที่จะแก้อาการง่วงในช่วงบ่ายกันต่อได้ที่ facebook.com/cocacolaTH/ #COKEafternoon #โค๊กเย็นซ่าท้าทุกบ่าย



พาแม่เที่ยวไปเช้าเย็นกลับ 10 จังหวัดน่าไปใกล้กรุงเทพฯ

สำหรับลูกๆ ที่มีเวลาน้อยแต่ก็อยากพาแม่เที่ยวพักผ่อนในเดือนสิงหาคมนี้ ใครเบื่อเที่ยวห้างสรรพสินค้าหรือกำลังมองหาสถานที่ดีๆ ใกล้กรุงเทพมหานคร ทั้งแบบไปเช้าเย็นกลับ หรืออาจนอนค้างสักคืนสองคืน เรามีที่เที่ยวมาแนะนำกับจังหวัดน่าไปใกล้กรุงเทพฯ

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ : พาแม่เที่ยวไปเช้าเย็นกลับ 10 จังหวัดน่าไปใกล้กรุงเทพฯ

พระนครศรีอยุธยา


สำหรับคุณแม่ที่ชอบเข้าวัดทำบุญ อยุธยาเป็นตัวเลือกที่ดีมากแห่งนึง เพราะทั้งเดินทางง่ายและไปเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับได้ อยุธยามีทั้งวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันมาก และร้านอาหารริมน้ำอร่อยๆ ให้คุณแม่ได้เที่ยวแบบอิ่มบุญ อิ่มท้องภายในหนึ่งวัน

วัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา

สถานที่ท่องเที่ยวในพระนครศรีอยุธยา

  • วัดพนัญเชิงวรวิหาร
  • วัดใหญ่ชัยมงคล
  • วัดมงคลบพิตร
  • วัดมหาธาตุ
  • วัดมเหยงคณ์
  • วัดพระศรีสรรเพชญ์

สมุทรสงคราม


สมุทรสงครามเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าก็ถึง สามารถพาแม่เที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆ อาจเริ่มด้วยไหว้หลวงพ่อบ้านแหลมที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร วัดคู่บ้านคู่เมืองสมุทรสงคราม จากนั้นไปต่อที่วัดบางกุ้ง อุทยาน ร.2 แล้วไปหาของอร่อยทานที่ตลาดน้ำอัมพวา

ตลาดน้ำอัมพวา

สถานที่ท่องเที่ยวในสมุทรสงคราม

  • วัดเพชรสมุทรวรวิหาร
  • วัดบางกุ้ง
  • วัดภุมรินทร์กุฎีทอง
  • วัดบางกะพ้อม
  • อุทยาน ร.2
  • ตลาดน้ำอัมพวา

4 โซนเด่นในเมืองริโอเดอจาเนโร โอลิมปิก 2016 ประเทศบราซิล

เที่ยวบราซิลประเทศเจ้าภาพการจัดกีฬาโอลิมปิก 2016 โดยจัดขึ้นที่เมืองริโอเดอจาเนโร วันนี้เราจะมาแนะนำ 4 โซนเด่นที่ต้องไปเยือน พร้อมสถานที่แข่งขันโอลิมปิก 2016 หรือ Rio 2016 ในแต่ละโซน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองริโอเดอจาเนโร ดังนี้
  • Maracanã (มาราคาน่า​) อยู่ทางเหนือของเมืองริโอเดอจาเนโร แม้จะไม่ใช่ย่านท่องเที่ยวที่นิยม แต่มีคนแวะเวียนมาไม่ขาดสายเพราะเป็นที่ตั้งของสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในบราซิล
  • Copacabana (โกปาคาบานา) อยู่ทางใต้ของริโอเดอจาเนโร หนึ่งในย่านฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนริโอเดอจาเนโร มีทั้งชายหาดสวยๆ และสีสันของเมืองที่พลาดไม่ได้
  • Deodoro (ดีโอโดโร​) อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองริโอเดอจาเนโร อาจไม่ย่านที่มีสถานที่ท่องเที่ยว เพราะเป็นที่ตั้งของค่ายทหารที่ใหญ่ที่สุดในบราซิล หากอยากท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวย่านใกล้กันอย่าง ฺBarra ได้
  • Barra (บาร์รา) อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองริโอเดอจาเนโร ไม่ไกลจากโซน Deodoro เป็นย่านยอดนิยมของนักเซิร์ฟ เพราะมีชายหาดยาว คลื่นลมกำลังดีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบ จนได้ชื่อว่าไมอามี่แห่งริโอ

4 โซนเด่นในเมืองริโอเดอจาเนโร โอลิมปิก 2016 ประเทศบราซิล

สำหรับรายละเอียดสถานที่จัดการแข่งขันตามโซนต่างๆ และวิธีการเดินทางของแต่ละสถานที่ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : 4 โซนเด่นในเมืองริโอเดอจาเนโร โอลิมปิก 2016

Maracanã


โซนแรกที่จะมาแนะนำคือ Maracanã อยู่ทางเหนือของเมืองริโอเดอจาเนโร เป็นที่ตั้งของสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในบราซิลคือ Maracanã stadium เนื่องจากย่านนี้เป็นย่านที่พักอาศัย จึงไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากนัก

Copacabana


โซนที่สองคือบริเวณ Copacabana อยู่ทางใต้ของริโอเดอจาเนโร เป็นที่ตั้งของชายหาดชื่อดังของบราซิลอย่างหาดโคปาคาบานา (Copacabana Beach) ใกล้ๆ กันยังมีชายหาดหนึ่งแห่งคือ Ipanema โซนทางใต้นี้มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายนอกจากชายหาด เช่น ภูเขา Sugarloaf , สัญลักษณ์ของริโอ Christ the Redeemer และสวนพฤกษศาสตร์ สถานที่แข่งขันหลักของโซนนี้อยู่บริเวณชายหาดและสถานที่ใกล้เคียง

Deodoro​


โซนถัดมาคือ Deodoro อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองริโอเดอจาเนโร รายล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียว เป็นที่ตั้งของ Deodoro Olympic Park และ Deodoro X-Park ซึ่งเป็นสถานที่รวมสนามแข่งขันไว้หลายสนามทีเดียว

Barra


โซนสุดท้ายของสถานที่แข่งขันในริโอเดอจาเนโร อยู่ทางตะวันตกไม่ไกลกับโซน Deodoro สำหรับ Barra นั้นรายล้อมไปด้วยภูเขา ทะเลสาบ และยังมีชายหาดยาวกว่า 12 กิโลเมตร จนได้ชื่อว่าเป็นไมอามี่แห่งริโอ ย่านนี้ยังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และเป็นย่านยอดนิยมของนักเซิร์ฟอีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้องกับการเที่ยวบราซิล